HomeHome PromotionPromotion VouchersVouchers ServicesServices LINE Official AccountLINE Official

SEARCH

Recommend Keywords : Product Code , Product Name

Articles
เสริมหน้าอก ไปแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าควรเปลี่ยนซิลิโคนหน้าอกตอนไหน?
20 ธ.ค. 2566 11:38 น. | เปิดอ่าน 861
เอาละค่ะทุกคน วันนี้แอดจะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยกัน ว่าหลังจากที่ เสริมหน้าอก ไปแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าควร เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอกตอนไหน เพราะมีข้อถกเถียงมามากมาย ว่า หลังเสริมหน้าอก ไป บางกลุ่มก็บอกว่าสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต และบางกลุ่มก็บอกว่าควร  เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก ในทุก ๆ  10 ปี หรือไม่ก็อาจจะต้อง ถอดซิลิโคนหน้าอก ออกไปเลย แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เคย เสริมหน้าอก มาเป็นระยะเวลานาน ก็จะต้องเกิดความกังวลอย่างแน่นอน ว่าจริง ๆ แล้วควร เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอกตอนไหน โดยทั้งนี้เอง เราไม่สามารถรู้ได้อย่างแจ้งใจเลย ว่าความคิดแบบไหนถูก แบบไหนผิด และวันนี้เอง แอดก็จะมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันว่า จริง ๆ แล้ว หลังจากที่ เสริมหน้าอก หรือ แก้หน้าอก ด้วย ซิลิโคนเสริมหน้าอก จะต้องเปลี่ยนซิลิโคน ทุก ๆ  10 ปีหรือไม่ หรือมันสามารถอยู่กับเราได้ตลอดชีวิตจริงหรือเปล่า  ถ้าทุกคนพร้อมกันแล้ว เรามาศึกษาข้อมูลไปพร้อม ๆ กันได้เลย

ขนาดรถยนต์ยังรักและใส่ใจดูแลเป็นอย่างดี แล้ว หลังเสริมหน้าอก ไปแล้ว จะไม่ดูแลได้อย่างไร!!!

เมื่อเราตัดสินใจเลือกที่จะ เสริมหน้าอก สิ่งสำคัญที่ควรรู้เลยก็คือ หลังเสริมหน้าอก ไปแล้ว ก็ต้องใส่ใจดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งคัด แต่ถึงแม้ว่าเราจะดูแลมันดีขนาดไหน ก็อาจจะเกิดปัญ หาเกี่ยวกับ หน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกห้อย ที่เกิดจากวัยได้ หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ซิลิโคน อาจจะเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งาน เปรียบเสมือนกับการใช้งานรถยนต์ ก็ย่อมมีอายุการใช้งานที่จำกัด เพราะถึงจะขับรถรุ่นเดียวกัน ผลิตในโรงงานเดียวกัน ในปีเดียวกัน ระยะทางการใช้งานของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันไป ซึ่งรถคันหนึ่งอาจจะวิ่งได้ 200,000 กิโลเมตร ในขณะที่อีกคันวิ่งได้ถึง 275,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ถ้าเราใส่ใจดูแลมันเป็นอย่างดี ผลลัพธ์การใช้งานมันก็จะอยู่ได้นานกว่าด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างเช่นกัน

ปัญหาเกี่ยวกับการ เสริมหน้าอก สามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ

แน่นอนว่า หลังเสริมหน้าอก ไปแล้ว เมื่อระยะเวลาผ่านไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้มีปัญหาตามมาหลายอย่างจนเกิดความคิดที่อยากจะ เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก ที่ใส่อยู่ หรือ ถอดซิลิโคนหน้าอก ออกไปเลย แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทำการ เสริมหน้าอก ไปแล้ว ย่อมก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามแรงโน้มถ่วง หรือมีปัญหาที่เกิดขึ้นจากวัยที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเอง สำหรับคนที่มองว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็สามารถใช้ชีวิตกับมันได้ตามปกติ แต่เพราะปัญหาไหนหล่ะ ที่รู้แล้วต้องรีบ เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก หรือ ถอดซิลิโคนหน้าอก ทันที เรามาดูกันได้เลย

ปัญหาเกี่ยวกับการ เสริมหน้าอก ที่พบบ่อยที่สุด จนต้องทำให้ เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก หรือ ถอดซิลิโคนหน้าอก

1. ปัญหาที่เกิดจากพังผืดหดรั้ง

พังผืดหดรั้ง คือ ความแข็งที่เกิดขึ้นและครอบคลุม ซิลิโคนเสริมหน้าอก ซึ่งจะส่งผลเสียทำให้ หน้าอกมีความแข็งที่ผิดปกติ และมีอาการเจ็บปวดในที่สุด โดยความรุนแรงก็จะขึ้นอยู่ตามระดับที่แตกต่างกันออกไป โดยแบ่งได้ถึง 4 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 เป็นระดับที่พังผืดอาจเกิดขึ้นบาง ๆ นิ่ม ๆ ถ้าสัมผัสดูแล้วหน้าอกจะยกคงนิ่ม ไม่แข็งมากเท่าไหร่
ระดับที่ 2 เป็นระดับที่พังผืดยังไม่หดรัดซิลิโคนจนทำให้ตัวซิลิโคนผิดรูป และยังมีรูปทรงที่สวยเป็นธรรมชาติ สัมผัสแล้วอาจจะรู้สึกถึงความแข็งและตึงได้บ้าง
ระดับที่ 3 เป็นระดับที่พังผืดหดรั้งจนซิลิโคนเริ่มการการผิดรูป หรืออาจจะทำให้ซิลิโคนอยู่ในรูปร่างที่ผิดตำแหน่ง
ระดับที่ 4 จะคล้ายกับระดับที่ 3 แต่รูปทรงของหน้าอกจะดูมีความแข็งไม่เป็นธรรมชาติ และจะมีอาการเจ็บ ปวด ร่วมด้วย
โดยทั้งนี้ ถ้าอยู่ในระดับที่ 1 - 2 ถือว่ายังปกติดี แต่ถ้าอยู่ในระดับที่ 3 - 4 ก็ไม่ควรสับสนแล้วว่าควร เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอกตอนไหน และที่สำคัญเลยก็คือ การเกิดพังผืดหดรั้ง จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 20 - 30% สุดท้ายแล้ว สำหรับใครที่ไม่อยากมีปัญหาพังผืดหดรั้ง การตัดสินใจเลือก เสริมหน้าอก ก็ควรที่จะศึกษาหาข้อมูลเป็นอย่างดี เพื่อที่จะไม่ให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง
 
เคสแก้หน้าอกผิดรูปแข็ง เป็นพังผืดหดรั้ง พังผืดหนามาก ! #รีวิวหมออู๋SLC #รีวิวหน้าอกSLC

2. การแตกของ ซิลิโคนเสริมหน้าอก

การแตกของซิลิโคนเสริมหน้าอกนับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่แน่นอนว่ามันก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ เสริมหน้าอก ไปเป็นเวลานาน คุณภาพของเปลือกซิลิโคนก็จะลดลงตามกาลเวลา แต่ในปัจจุบันนี้เอง ก็มีนวัตกรรมและเทคโลโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงทำให้แบรนด์ ซิลิโคนเสริมหน้าอก หลาย ๆ แบรนด์ ได้ปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพของเจ้า ซิลิโคน ให้มีความยืดหยุ่น คงทน มากยิ่งขึ้น จนทำให้เป็นแบรนด์ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกด้วย

จะรู้ได้อย่างไรว่า ซิลิโคนเสริมหน้าอก เกิดการรั่วหรือแตก

แน่นอนว่าเราไม่สามารถมองเห็นถึงปัญหาได้อย่างชัดเจน เพราะซิลิโคนที่เสริมไปแล้วอยู่ในร่างกายของเรา ต่อให้ซิลิโคนเกิดการรั่วซึมหรือแตกนั้น ก็อาจจะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ จนไม่สามารถสังเกตมันได้เลย แต่เมื่อปล่อยทิ้งไว้ ก็จะสังเกตุได้จากการที่ขนาดของหน้าอกทั้งสองข้าง เริ่มเกิดความไม่เท่ากัน แต่อาจจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อสัมผัสแล้วก็จะพบเจอก้อนแข็ง ๆ บริเวณหน้าอก และมีอาการชาและเจ็บบริเวณหน้าอกร่วมด้วย

วิธีตรวจเช็คการรั่วหรือแตกของ ซิลิโคนเสริมหน้าอก

แน่นอนว่าสาว ๆ หลายคนอาจจะมีความกังวลว่า หลังเสริมหน้าอก ไปแล้ว ตัวเองจะมีปัญหา ซิลิโคนหน้าอก รั่วหรือแตกไหม วิธีตรวจเช็คง่าย ๆ เลยก็คือ การตรวจ MRI BREAST ( Magnetic Resonance Imaging Breast ) เป็นประจำ ( ประมาณทุก ๆ สองปี )โดยส่วนใหญ่จะใช้เพื่อตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถตรวจเช็คได้ว่า ซิลิโคนที่ใส่เข้าไปนั้น ยังปกติดี หรือเกิดการรั่วหรือแตกได้อย่างแม่นยำ และสิ่งสำคัญเลยก็คือ ในการตรวจ MRI BREAST ( Magnetic Resonance Imaging Breast ) ก็เป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนหมั่นทำอยู่เป็นประจำ และถือว่าเป็นการตรวจที่ได้มาตรฐานมาก เมื่อเทียบกับการทำอัลตราซาวนด์ แถมยังมีความแม่นยำในการตรวจจับมากกว่า 94 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อัลตราซาวนด์มีความแม่นยำเพียงแค่ 72%

ขั้นตอนการ เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก หรือ ถอดซิลิโคนหน้าอก ที่แตกออก

เมื่อพบว่าซิลิโคนที่ใส่เข้าไป หลังเสริมหน้าอก เกิดการรั่วหรือแต่ ก็ควรที่จะเปลี่ยนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยทั้งนี้เอง ในการ เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก หรือ ถอดซิลิโคนหน้าอก ที่แตกออก ก็ต้องเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น ที่สามารถทำได้ และที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLC เราก็มีทีมแพทย์ชำนาญการที่มากประสบการณ์ทางด้านการ เสริมหน้าอก ที่ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ก็เอาอยู่แน่นอน ส่วนใครที่พบว่าหน้าอกเริ่มมีความผิดปกติ แต่ยังไม่มีเวลาที่จะเข้ามาแก้ไข แอดก็อยากจะบอกไว้ ว่ายิ่งปล่อยปัญหาไว้นานเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน


ช็อค!!! ซิลิโคนแตก คาเต้าขอแก้ด่วน #รีวิวหมอเฟบSLC #รีวิวเสริมหน้าอกSLC
 
เคสแก้หน้าอก นมแข็ง นมห่าง หน้าอกผิดรูป ซิลิโคนแตก วันนี้แก้ใหม่กับคุณหมอกัม รอชมค่ะ #รีวิวหมอกัมSLC #รีวิวเสริมหน้าอกSLC

3. ซิลิโคนพลิกตัวหรือเคลื่อนตัวไปอยู่ผิดตำแหน่ง

ว่าด้วยเรื่องของการเคลื่อนที่ของซิลิโคน ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่แน่นอนว่ามันก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยสาเหตุก็อาจจะเกิดขึ้นอายุที่มากขึ้น หรือการขยายตัวของโพรงที่เลาะตอนใส่ซิลิโคน เมื่อเมื่อผ่านไปนาน ๆ ซิลิโคนเสริมหน้าอก ก็อาจจะเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งหรืออาจจะเคล่นไปด้านข้าง อย่างที่ทุกคนเรียกกันว่า นมไหล นั่นเอง ซึ่งปัญหาแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิด การที่นมไหลออกข้างมันไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะความฝันของใครหลายคนที่เข้ามา เสริมหน้าอก ก็ต้องอยากมีหน้าอกที่ทรงสวย อดชิด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหานี้แล้ว ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการ แก้หน้าอก นั่นเอง โดยศัลยแพทย์ก็จะทำการแก้ไขทรงหน้าอกให้ใหม่ควบคู่กับการเย็บโพรง เพื่อให้ซิลิโคนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

4. ปัญหา หน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกหย่อยาน หลังเสริมหน้าอก ( ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นได้สำหรับผู้ที่มีหน้าอกธรรมชาติและผู้ที่ผ่านการ เสริมหน้าอก )

พูดก็พูดเลย ว่าปัญหา หน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกหย่อยาน สามารถเกิดขึ้นได้สำหรับผู้ที่มีหน้าอกธรรมชาติและผู้ที่ผ่านการ เสริมหน้าอก และนี่ก็เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ โดยปกติแล้ว ยิ่งหน้าอกมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน ก็อาจทำให้หน้าอกมีความหย่อนคล้อยมากขึ้น บวกกับเมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ก็สามารถทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยเพราะแรงโน้มถ่วงได้เช่นกัน
โดยปกติแล้วความหย่อนคล้อย หลังเสริมหน้าอก ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน และในทางกลับกัน ในมุมของทางการแพทย์ เมื่อพบเจอปัญหานี้อยู่ วิธีที่จะสามารถจัดการปัญหานี้ได้อย่างแม่นยำและตรงจุด นั่นก็คือการ ยกกระชับหน้าอก นั่นเอง ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากหน้าอกที่แม่ให้มาหรือเกิดขึ้นจากหน้าอกที่หมอให้มา และที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLC นอกจากจะมีทีมแพทย์ที่เก่งในด้านของการ เสริมหน้าอก และ แก้หน้าอก แล้ว ในเรื่องของการ ยกกระชับหน้าอก เราก็ไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย
 
ยกกระชับหน้าอก หลังทำวันแรก #รีวิวหมออู๋SLC #รีวิวยกกระชับหน้าอกSLC
 
คุณแม่ลูก 1 เคยเสริมหน้าอกมาแล้วจากที่อื่น แต่หลังให้นมบุตรแล้ว มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย เหี่ยวยานเหมือนถุงกาแฟ จึงขอตัดสินใจเข้ามาแก้ไขหน้าอก พร้อมยกกระชับหน้าอกใหม่ ให้กลับมาเต่งตึง ดูอวบอิ่มเหมือนสมัยวัยรุ่นอีกครั้ง

5. ไม่พอใจกับขนาดของการ เสริมหน้าอก

“ นมแบบไหนถึงจะดีพอ ” ก็ในเมื่อเทรนด์ความงามมันเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 กับความคิดที่ว่า “ ยิ่งใหญ่ ยิ่งดี ” แต่ในปัจจุบันนี้การ เสริมหน้าอก ด้วยขนาดที่พอดีตัวนับว่าเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ถ้าจะให้ยกตัวอย่างกันง่าย ๆ ให้เห็นภาพ ก็คือ ก่อนหน้านี้เอง การที่เราเสริมหน้าอกมาขนาดใหญ่ เราอาจจะตื่นเต้นและดีใจกับหน้าอกแบบนี้ในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป อายุเราเพิ่มมากขึ้น เราอาจจะไม่ต้องการมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่เหมือนแต่ก่อน จนในที่สุดก็ต้องตัดสินใจเข้ามา แก้หน้าอก ให้ดูเล็กลง แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ เทรนด์ “ ยิ่งใหญ่ ยิ่งดี ” อาจจะกลับมานิยมอีกครั้งก็เป็นไปได้
 
1 เดือน แก้หน้าอก อัพไซส์ให้ใหญ่ขึ้น 245 cc #รีวิวหมอกัมSLC #รีวิวเสริมหน้าอกSLC
 
สาวสอง อัพไซส์ 425cc เนื้อเดิมพอมีแต่ไม่พอดัน #รีวิวหมอกัมSLC #รีวิวเสริมหน้าอกSLC
 
แก้ลดไซส์ ซิลิโคนตัว Top Motiva joy 250cc #รีวิวหมอกัมSLC #รีวิวลดขนาดหน้าอกSLC

ว่าด้วยเรื่องของการ เสริมหน้าอก ที่เล็กลงในอนาคต






จากเนื้อหาด้านบน การที่เราเคยเสริมหน้าอกมาด้วยขนาดใหญ่ตามเทรนด์ที่ว่า “ ยิ่งใหญ่ ยิ่งดี ” และเมื่ออายุเรามากยิ่งขึ้นแล้วต้องการที่จะเปลี่ยนขนาด จากหลาย ๆ เคสที่แอดเคยได้สัมผัสมา สำหรับบางคนที่เคยเสริมมาด้วยขนาดที่ใหญ่มาก ๆ แล้วต้องการอยากจะเปลี่ยนขนาดให้เล็กลง ทั้งนี้ ในการ แก้หน้าอก ด้วยวิธี ลดขนาดหน้าอก ก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ เพราะการที่เราเคยใส่ ซิลิโคนเสริมหน้าอก ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ การที่เราจะแก้ไขให้เล็กลง ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ด้วย และแน่นอนว่าทางโรงพยาบาลศัลยกรรม SLC ก็พบปัญหาเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ท้ายที่สุด ศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLCก็สามารถวิเคราะห์ ประเมิน และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดเช่นกัน ถ้าใครที่มีปัญหาแบบนี้อยู่ ก็อยากจะให้ลองเข้ามาสัมผัสกันดู แล้วจะหาว่าแอดโม้

ว่าด้วยเรื่องของการ เสริมหน้าอก ที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต





แน่นอนว่าทำมาใหญ่ก็อยากแก้ให้เล็ก แล้วพอทำมาเล็ก ก็อยากจะแก้ให้ใหญ่ ก็มี ซึ่งปัญหาแบบนี้ทางโรงพยาบาลศัลยกรรม SLC ก็มีมานับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน และยังเป็นวิธีที่สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าการ ลดขนาดหน้าอก อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ต่อให้ฟังดูว่าขั้นตอนการทำอาจจะไม่ได้ยุ่งยากมากเท่าไหร่ ก็ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ของศัลยแพทย์ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาตามความต้องการ

การเปลี่ยน ซิลิโคน ไม่ใช่เรื่องแปลก!!!

ใครว่าการเปลี่ยน ซิลิโคน เป็นเรื่องที่แปลก ไม่จริงเลย เพราะในการเปลี่ยนซิลิโคน ถ้าเรากำลังเจอปัญหา พังผืดหดรั้ง ซิลิโคนรั่วซึมหรือแตก ซิลิโคนพลิกตัวหรือเคลื่อนตัวไปอยู่ผิดตำแหน่ง ปัญหา หน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกหย่อยาน หลังเสริมหน้าอก หรือจะเป็นคนที่เคยเสริมหน้าอกไปแล้ว ไม่พอใจกับขนาด หรือจะปัญหาไหนก็แล้วแต่ การที่เกิดปัญหาเหล่านี้ แน่นอนว่าถ้าเป็นตัวเราคงไม่นิ่งนอนใจ คงจะต้องหาวิธีแก้ไขมันอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่ เสริมหน้าอก ไปได้ไม่นาน ก็เริ่มสังเกตุเห็น ว่าหน้าอกค่อย ๆ แข็งตัว ซึ่งถ้าเราหมั่นเช็คอยู่เป็นประจำ ก็จะสันนิษฐานได้ว่าเกิดจากพังผืดหดรั้ง และการหดรั้งของพังผืด ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะต้องใช้เวลาเป็นเดือน หรือเป็นปีเลยก็ว่าได้ จนบางทีเราอาจจะไม่ทันรู้ตัว มารู้สึกอีกทีก็หน้าอกผิดรูปและรู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอกไปแล้ว จนในที่สุดก็ต้องทำการ ถอดซิลิโคนหน้าอก หรือ เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก อยู่ดี โดยทั้งนี้ทั้งนั้น หากว่าเกิดปัญหาอะไร หลังเสริมหน้าอก ก็อย่ามาแต่เขินอาย และไม่กล้าปรึกษาปัญหาที่พบอยู่กับใคร เพราะถ้ายิ่งปล่อยไว้นาน ก็จะเกิดผลเสียตามมาเช่นกัน

จำเป็นต้อง เปลี่ยนซิลิโคนเสริมหน้าอก ทุกๆ 10 ปีหรือไม่?

อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่ยังไม่ได้รับการไขปริศนา ว่า หลังเสริมหน้าอก จำเป็นต้อง เปลี่ยนซิลิโคนเสริมหน้าอก ทุกๆ 10 ปีหรือไม่? คำตอบก็คือไม่!!! เพราะไม่เคยมีใครบัญญัติเอาไว้ข้างต้น ว่าเสริมไปครบ 10 ปี จะต้องเปลี่นทันที เพราะในบางคน เสริมหน้าอก ไปเกิน 10 ปีไม่มีปัญหาอะไร ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ บางคนก็อาจจะอยู่ได้ถึง 15 - 40 ปีก็ว่าได้ และเหตุผมเกี่ยวกับการ “ ปลี่ยนซิลิโคนเสริมหน้าอก ทุก 10 ปี ” ก็เพราะว่า ตามสถิติแล้ว หลังจากที่ เสริมหน้าอก ไปก็มักจะเกิดปัญหาจากข้างต้นที่ได้บอกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหา หน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกหย่อยาน หลังเสริมหน้าอก หรือจะเป็นคนที่เคยเสริมหน้าอกไปแล้ว ไม่พอใจกับขนาด ก็นับว่าเป็นปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นภายใน 10 ปี หลังเสริมหน้าอก จึงจำเป็นที่จะต้อง เปลี่ยนซิลิโคนเสริมหน้าอก นั่นเอง

สรุปแล้ว เราควรเปลี่ยนซิลิโคนหลังเสริมหน้าอกหรือไม่? และควร เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอกตอนไหน ?

แอดเชื่อว่าถ้าทุกคนได้อ่านข้อมูลมาถึงตอนนี้แล้ว ก็คงจะมีคำตอบในใจแล้วแหละ ว่าควร เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอกตอนไหน แต่แอดก็อยากจะย้ำกันอีกครั้งก่อนจะจากกันไป ว่าถ้าหาก เสริมหน้าอก ไปแล้วไม่พบปัญหาใด ๆ ที่รบกวนใจ และไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ถ้าเกิดเหตุการที่ว่า ตรวจด้วย MRI BREAST ( Magnetic Resonance Imaging Breast ) แล้วพบว่าซิลิโคนแตก ซิลิโคนเคลื่อนตัว หน้าอกแข็งและปวดจากการที่พังผืดหดรั้ง หรือเสริมมาแล้วไม่พอใจกับขนาด หรือหน้าอกเกิดความหย่อนคล้อย หรือจะด้วยปัญหาใดก็แล้วแต่ ถึงจะ ถอดซิลิโคนหน้าอก หรือ เปลี่ยนซิลิโคนหน้าอก ทันที และถ้าเกิดว่าใครที่กำลังประสบพบเจอกับปัญหาเหล่านี้อยู่ เพียงแค่ทักเข้ามาที่โรงพยาบาลศัลยกรรม SLC รับรองว่าจะลืมไปได้เลย ว่าเคยมีปัญหานี้อยู่ อย่ามัวแต่รอช้านะ เรารอแก้ไขปัญหาให้กับทุกคนอยู่นะจ๊ะ

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : +66 2 714 9555

Whatsapp : +66 96 116 0806

Facebook : SLCclinic

Skype : SLCclinic

LINE : @SLChospital

เพิ่มเพื่อน

Related Articles