HomeHome PromotionPromotion VouchersVouchers ServicesServices LINE Official AccountLINE Official

SEARCH

Recommend Keywords : Product Code , Product Name

Articles
ทำอย่างไร? เมื่อ ‘‘จมูกพัง’’ หลังศัลยกรรม
10 พ.ย. 2558 16:16 น. | เปิดอ่าน 63,789

หากพูดถึงการทำศัลยกรรม อวัยวะที่ติดอันดับคนนิยมทำมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น “การทำศัลยกรรมเสริมจมูก”  ด้วยเพราะเป็นจุดที่ช่วยเปลี่ยนใบหน้าคนได้อย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากบางคนเพียงแค่เสริมจมูกเท่านั้น ก็สามารถทำให้ใบหน้าดูสมส่วนขึ้นมาในทันใด แต่ผลข้างเคียงที่มักจะทำให้เป็นปัญหาหนักใจของคนดั้งโด่งจากการศัลยกรรมก็มีไม่น้อย และ ไม่ควรนิ่งนอนใจเป็นอย่างยิ่ง

ปัญหาที่พบบ่อยหลังจากการทำศัลยกรรมเสริมจมูก

จมูกเบี้ยว ปัญหาจมูกเบี้ยว หรือ จมูกเอียงนั้นเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุด คนไข้สามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองว่าจมูกที่ทำศัลยกรรม หรือ ไม่ได้ทำนั้น เบี้ยวหรือไม่ โดยสังเกตจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว  หัวตา และ จุดกึ่งกลางของปลายจมูก ซึ่งควรจะอยู่กึ่งกลางของปากบน ปัญหาจมูกเอียงนั้น ทางการแพทย์ได้จัดว่าเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังจากการทำศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยแท่งซิลิโคน สามารถแบ่งลักษณะของอาการจมูกเอียงออกเป็น 3 แบบคือ
1. ลักษณะโคนเอียง  คือ บริเวณหว่างคิ้ว และ หัวตาเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
2. ลักษณะปลายเอียง คือ บริเวณโคนตรงเป็นปกติ แต่ส่วนปลายจมูกเอียง
3. แท่งจมูกเอียงทั้งหมด คือ สามารถสังเกตได้ชัดที่สุดเนื่องจากมองมุมตรงจะเห็นว่าซิลิโคนนั้นเอียงไปทั้งแท่ง

สาเหตุที่จมูกเบี้ยว
1.ฐานจมูกเดิมของคนไข้คดเอียงจากเดิมอยู่แล้ว เมื่อวางซิลิโคนเข้าไปแล้วก็จะทำให้ซิลิโคนเอียงตามฐานเดิมของคนไข้นั่นเอง
2. กระดูกบริเวณส่วนกลางนั้นโหนกนูนขึ้นมา เมื่อวางแท่งซิลิโคนเข้าไปแล้ว ทำให้ซิลิโคนเลื่อนไปด้านหลัง และ เอียงในที่สุด
3.หากศัลยแพทย์ตกแต่งซิลิโคนที่ยาวเกินพอดี จะทำให้เกิดอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือ บางรายอาจจะเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุได้
4. โพรงจมูกไม่เท่ากัน เมื่อโพรงจมูกทั้งซ้าย และ ขวา ไม่เท่ากันก็จะทำให้เกิดความชันของจมูกที่ไม่เท่ากันจนทำให้เกิดเป็นสาเหตุที่จมูกเบี้ยวได้เช่นกัน

จมูกปลายแหลมเกินไป
ปัญหาที่ทำให้ขาดความมั่นใจหลังจากการเสริมจมูกเป็นที่สุด!! นั่นคือ หลังจากที่ทำการเสริมจมูกมาแล้ว แต่กลับพบว่า จมูกปลายแหลมเกินไป หรือ ซิลิโคนแทบจะทะลุออกมา นอกจากที่จะทำให้ดูน่ากลัวไม่น้อย ในกรณีที่จมูกทะลุนั้น จะเกิดขึ้นแต่เฉพาะช่วงปลายจมูกเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า ส่วนปลายจะมีลักษณะใสๆ เกือบเห็นเนื้อซิลิโคน

สาเหตุที่จมูกปลายแหลมเกินไปอาจะเป็นสาเหตุซิลิโคนทะลุ
1. ความไม่ชำนาญ และ ขาดประสบการณ์ในการตกแต่งแท่งซิลิโคนจากศัลยแพทย์ มีการใช้แท่งซิลิโคนที่แข็งเกินไป หรือ มีการตกแต่งซิลิโคนที่โด่งเกินไปไม่เหมาะสมกับลักษณะจมูกของคนไข้
2. คนไข้ ขาดการดูแลตัวเอง เช่น พักผ่อนน้อย สัมผัสแผลบ่อย ไม่ดูแลทำความสะอาด
3. คนไข้ได้ทำการออกแบบจมูกของตัวเอง เช่น ต้องการรูปทรงปลายจมูกที่เป็นทรงหยดน้ำ ซึ่งกรณีนี้ศัลยแพทย์จะแนะนำให้ใช้กระดูกหลังหูของคนไข้เองมากกว่าการใช้ซิลิโคน เพื่อความเป็นธรรมชาติ และ ความปลอดภัย

ซิลิโคนเคลื่อนตัว หรือ ซิลิโคนไหล

การเกิดปัญหาซิลิโคนเคลื่อนย้ายไปจากตำแหน่งเดิม หรือ อยู่กับที่ไม่แน่นพอ  ในกรณีนี้คนไข้จะสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเอง จะพบว่าซิลิโคนสามารถโยกขึ้นลง หรือ เลื่อนไปซ้ายขวาได้ หากปล่อยไว้นานอาจจะทำให้เกิดซิลิโคนทะลุได้ในอนาคต หากพบปัญหานี้ควรจะปรึกษาแพทย์โดยด่วน


จมูกติดเชื้อ
ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกรายที่ผ่านการทำศัลยกรรมเสริมจมูก ข้อสังเกตคือ บริเวณแผลจะบวมแดง มีอาการปวดบางเวลา อาจมีน้ำขุ่นๆ หรือ หนองไหลออกจากแผล โดยปกติแล้วอาการบวมจากการผ่าตัดศัลยกรรมจะหายได้ หลังจากศัลยกรรมไป 4 – 5 วัน หรือ บางรายอาจจะไม่บวมเลย แต่หากเกิดอาการบวมเกิน 1 สัปดาห์ ให้ระวังว่ากำลังอยู่ในภาวะของการติดเชื้อ

สาเหตุที่จมูกติดเชื้อ
1. หลังจากการศัลยกรรม คนไข้อาจจะทานอาหารแสลง เช่น ของหมักดอง
2. การสัมผัสบ่อย เช่น จับแผล เกา ลูบบริเวณแผลบ่อย จนทำให้เกิดอาการอักเสบในที่สุด
3. เกิดการกระทบกระเทือนจากการจาม ไออย่างรุนแรง จนทำให้เกิดการกระแทกจนอักเสบได้
- ภาพจมูกอักเสบหลังศัล

จมูกพัง!! ต้องรีบแก้

หากพบความผิดปกติของจมูกหลังจากที่ได้ทำศัลยกรรมเสริมจมูกไปแล้ว แนะนำให้คนไข้รีบเข้ามาปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อที่ทางศัลยแพทย์จะทำการวิเคราะห์ว่าปัญหาที่แท้จริงแล้วเกิดจากอะไร บางรายอาจจะกังวลหลังจาการทำศัลยกรรมจนเกิดอาการจับผิดตัวเอง ซึ่งหากแพทย์ทราบปัญหาที่แท้จริงแล้วจะได้ทำการแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา พร้อมกับทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ทั้งผลลัพธ์ และ ผลข้างเคียง ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการแก้ไขจมูกภายหลังนี้ ซึ่งวิธีการแก้ไขจมูกนั้น ส่วนใหญ่แล้วศัลยแพทย์จะทำการแก้ไขโดยวิธีการผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhi-Noplasty) เพื่อเปลี่ยนแท่งซิลิโคนใหม่ และ วางตำแหน่งใหม่ที่เหมาะสมกว่า

การผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhi-Noplasty)
วิธีการแก้ไขจมูกด้วย  การผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhi-Noplasty)นั้น ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่เลยก็ว่าได้ โดยศัลยแพทย์จะทำการฉีดยาชาก่อนทำ แต่หากบางรายที่ต้องทำการแก้ไขที่ซับซ้อนมากอาจจะต้องทำการดมยาสลบ จากนั้นจึงทำการเปิดแผลบริเวณจมูกออกเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก ทำการแยกเนื้อส่วนผิวหนัง ออกจากตัวซิลิโคน พร้อมทำการวิเคราะห์และลงมือผ่าตัดตามกรณีปัญหาของคนไข้ ในส่วนของขั้นตอนนี้ ศัลยแพทย์อาจจะทำการปรับรูป ลดขนาด หรือ ดัดขนาดของรูปร่างซิลิโคนใหม่ ซึ่งในบางกรณีคนไข้อาจจะต้องเพิ่มขนาดของรูปร่างทรงจมูกใหม่ด้วยนั้น ศัลยแพทย์อาจจะต้องใช้เทคนิคการเสริมด้วยกระดูกอ่อนหลังหูของคนไข้เอง แต่ในกรณีนี้มักจะใช้เพื่อเป็นการเสริมปลายจมูกทรงหยดน้ำ เมื่อศัลยแพทย์ทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงทำการเย็บปิดแผล

ข้อดี : นอกจากที่ศัลยแพทย์จะพิจาณาการแก้ไขเพื่อให้เหมาะสมกับรูปทรงจมูกคนไข้แล้ว วิธีนี้ยังเหมาะสมกับการปรับทรงจมูกที่ใหญ่ให้เล็กลง จมูกสั้นให้ยาวขึ้น แก้ไขจมูกที่โก่งให้เรียบขึ้น และ แก้ไขทรงจมูกที่คดให้ตรงได้

ข้อเสีย : มีแผลบริเวณฐานจมูก

วิธีการดูแลตัวเองหลังจากการผ่าตัดแก้ไขจมูก



ขอขอบคุณ : ข้อมูลจากนิตยาสาร COSMETIC

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : +66 2 714 9555

Whatsapp : +66 96 116 0806

Facebook : SLCclinic

Skype : SLCclinic

LINE : @SLChospital

เพิ่มเพื่อน

Related Articles