เธอมากับฝน  สวยตรงที่เดินตากฝน ตัวเปียกฝน เธอก็ยังสวยดี
ไม่ค่ะ อะไรที่มากับฝน บางครั้งก็ไม่ทำให้สวยเสมอไป !!

ขณะนี้ในประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกชื่นชอบหน้าฝน เพราะช่วยลดอุณหภูมิที่ร้อนจัดของประเทศไทยได้ ทำให้รู้สึกเย็นสบายมากขึ้น แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย หากร่างกายโดนฝนบ่อยๆ ก็ส่งผลให้ไม่สบายได้ง่ายขึ้น เกิดภาวะอับชื้นตามร่างกายได้อีกด้วย และถ้าฝนที่ตกลงมาเกิดการระบายไม่ทัน ก็จะส่งผลให้มีน้ำท่วมขังตามท้องถนน และในสถานที่ต่างๆ ได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดโรคผิวหนังตามมา

โรคผิวหนังที่พบได้บ่อยได้ช่วงหน้าฝนนี้!

1. โรคน้ำกัดเท้า
โรคน้ำกัดเท้า หรือที่เรารู้จักกันอีกชื่อว่า ฮ่องกงฟุต เป็นกลุ่มโรคผิวหนังที่เท้า เกิดจากการแช่น้ำหรือเดินย่ำน้ำที่สกปรกจากน้ำที่ท่วมขัง รวมไปถึงผิวหนังบริเวณเท้าสัมผัสความชื้นเป็นเวลานาน จากการใส่รองเท้าที่อับหรือเปียก พบได้บ่อยในช่วงหน้าฝน เพราะเท้าจะมีโอกาสสัมผัสน้ำที่สกปรกสูง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ ผิวหนังเปื่อยลอก โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้าจะมีผื่นแดงคัน และผิวลอกออกเป็นขุยขาวๆ หรือเปียกยุ่ย จนถึงขั้นเป็นแผล มีน้ำเหลืองแฉะที่ผิวได้ และเมื่อเท้าเป็นแผลก็ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราร่วมด้วย เพราะเชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น

2. เชื้อราในร่มผ้า
เข้าสู่หน้าฝน สิ่งที่เป็นอุปสรรคหลักๆ เลยก็คือการเดินทางไปไหนมาไหน และก็ยังต้องมาเจอกับสภาพอากาศที่เปียกชื้น ส่งผลให้เสื้อผ้ามีความอับชื้นได้ง่าย และหากเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ไม่สะอาด ก็จะก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังได้ เพราะเสื้อผ้าที่อับชื้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเชื้อรา  ทำให้เกิดอาการคันยุบยิบใต้ร่มผ้า โดยทั่วไปจะเริ่มจากบริเวณที่อับชื้นได้ง่าย เช่น รักแร้ ขาหนีบ เล็บ ซึ่งจะทำให้ตรงบริเวณนั้นมีผื่น ขุย มีอาการคันแต่ไม่เท่ากลุ่มพวกผื่นภูมิแพ้ผิวหนังทั่วไป  

3. เท้าเหม็น
นอกจากเชื้อราที่มาพร้อมกับความอับชื้นแล้ว ยังมีเชื้อแบคทีเรียที่แฝงมาจนทำให้เกิดโรคเท้าเหม็นด้วย และอย่าคิดว่าแค่เท้าเหม็นจะไม่ส่งผลรุนแรงใดๆ ต่อผิวหนัง เพราะในบางคนจะมีกลิ่นเท้าที่เหม็นแบบผิดปกติหลังจากเดินลุยน้ำท่วมขัง ให้คิดได้เลยว่าอาจเป็นโรคเท้าเหม็นที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สังเกตได้ง่ายๆ หลังลุยน้ำท่วมขังที่สกปรกมา เวลาถอดรองเท้าจะมีกลิ่นเหม็นที่โชยออกมา เวลาถอดถุงเท้าจะรู้สึกว่าถุงเท้าติดกับฝ่าเท้า และเมื่อก้มดูฝ่าเท้าจะเห็นเป็นรูพรุนเล็กๆ หรือเป็นแอ่งเว้าแหว่งตื้นๆ บางคนอาจมีแผลเป็นน้ำเหลืองซึม ยิ่งทำให้ส่งกลิ่นเหม็นมากขึ้นกว่าเดิม

4. ผด ผื่น สิว หรือขุย บริเวณใบหน้า
เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ก็ส่งผลให้มีกลุ่มโรคผิวหนังเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ตั้งแต่ผดเล็กๆ ที่เกิดจากการที่เหงื่อหรือสารคัดหลั่งจากต่อมไขมันคั่งค้างในรูขุมขน หรือที่เรียกว่าผดเหงื่อ ในบางคนอาจเกิดสิวที่มากกว่าปกติ เพราะผิวมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ ทำให้เชื้อสิวเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น หรือการเกิดขุยบริเวณใบหน้า ที่จะเป็นตามขอบหน้า ข้างจมูก คิ้ว บริเวณใบหู บริเวณคาง เกิดจากการที่รูขุมขนมีอาการอักเสบ และเกี่ยวข้องกับสมดุลยีสต์ที่เปลี่ยนไปในร่างกายด้วย อาการผิวหนังดังกล่าวนี้สามารถพบคุณหมอเพื่อหาทางรักษาได้

5. รังแค
หนังศีรษะก็ถือว่าเป็นผิวหนังอย่างหนึ่ง เพราะมีรูขุมขนเหมือนกัน หากหนังศีรษะหรือเส้นผมเปียก แล้วไม่ได้รับการเป่าให้แห้ง ปัญหาที่จะพบเจอได้คือรังแค และอาการคันหนังศีรษะร่วมด้วย ในบางรายที่อาจส่งผลแย่กว่านั้น คือ เชื้อราบนหนังศีรษะ เกิดจากหนังศีรษะสะสมสิ่งสกปรกไว้มาก หรือเกิดจากรังแคที่มีมากเกินไปจนอุดตันรูขุมขน ส่งผลทำให้ไม่สามารถระบายไขมันออกมาได้ จนหนังศีรษะอักเสบ ทำให้เชื้อราเติบโตขึ้น และผิวหนังบริเวณหนังศีรษะหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ

จากที่กล่าวไปทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาผิวหนังที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในช่วงนี้เลย แต่เมื่อรู้แล้วว่าหน้าฝนจะนำพาอะไรที่เป็นภัยต่อผิว ก็อย่าลืมเตรียมรับมือกันไว้ดีๆ ด้วยนะคะ หน้าฝนนี้จะต้องไม่เจ็บป่วยใดๆ หรือมีโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังมาให้หงุดหงิดใจเด็ดขาด !!
 
ขอขอบคุณ thaihealth.or.th, mgronline.com

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : +66 2 714 9555

Whatsapp : +66 96 116 0806

Facebook : SLCclinic

Skype : SLCclinic

LINE : @SLChospital