สำหรับสาวๆ วัย 30 - 40 ที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก และรู้สึกว่าทำไมน้ำหนักลดช้า ทั้งๆ ที่ก็ออกกำลังกายอย่างหนัก ออกกำลังกายเกือบทุกวัน แต่น้ำหนักไม่ค่อยลดลงเลย เราต้องมาพูดกันก่อนว่า เมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้น ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะมีระบบเผาผลาญที่เปลี่ยนไป หรือมีระบบเผาผลาญที่แย่ลงกว่าสมัยช่วงอายุ 20 เราจึงมีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานได้ดีขึ้น แล้วช่วยให้น้ำหนักลดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย

1. เดินให้บ่อยขึ้น
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยที่สามารถเลือกทำช่วงเวลาใดก็ได้แล้วแต่จะสะดวก ซึ่งในการเดินเป็นวิธีการออกกำลังกายที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว และยังไม่ต้องใช้แรงมาก แต่ช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนหลักๆ ของร่างกายได้ทำงานครบถ้วน ถ้ายิ่งเป็นการเดินหลังจากการกินข้าวในแต่ละมื้อแล้ว นอกจากจะช่วยลดน้ำหนัก แล้วยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย

2. นอนหลับพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมง
ให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมง ในข้อนี้อาจทำยากหน่อย สำหรับสาวๆ วัยทำงานที่เวลานอนในแต่ละคืนก็น้อยนิดเหลือเกิน แต่ถ้าจะให้ดีต่อการลดน้ำหนัก สาวๆ ควรพักผ่อนให้เยอะที่สุด เพราะการอดนอนจะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เราอ้วนได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาล และควบคุมการสะสมของไขมัน ทำให้การลดน้ำหนักของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. โยคะช่วยให้ผอมได้สาวๆ
วัย 30 – 40 ถ้าจะให้ไปออกกำลังกายเป็นการวิ่งแบบหนักๆ ก็คงจะไม่ไหว ดังนั้นโยคะจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่ง โยคะเป็นหนึ่งในตัวช่วยเบิร์นแคลอรี่ กำจัดเซลลูไลท์ และโยคะจะช่วยปรับระบบการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อกระชับแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี ที่สำคัญที่สุดโยคะ ช่วยลดความเครียดที่เป็นสาเหตุหนึ่งของความอ้วน

4. กินอาหารให้ช้าลง
การกินอาหารเร็วส่งผลให้อ้วนขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว ลองเคี้ยวอาหารให้ช้าลง ดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหารนั้นๆ ให้มากขึ้น หรือหันมาพูดคุยกับเพื่อนร่วมวงอาหารบ้าง ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตากินอาหารให้หมดเร็ว การกินอาหารให้ช้า เคี้ยวให้ช้า จะช่วยให้ระบบย่อยอาหาร และระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

5. คาร์ดิโอหลังตื่นนอน
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เป็นการออกกำลังกายที่ไม่ได้ใช้พลังจากกล้ามเนื้อมาก แต่จะเน้นไปทางการขยับเขยื้อนร่างกายที่มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ การคาร์ดิโอหลังตื่นนอนเป็นวิธีที่ช่วยรีเซ็ตร่างกายในตอนเช้าได้ดี หรืออาจจะออกไปวิ่งจ็อกกิ้งเบาๆ ก่อนกินอาหารเช้า การคาร์ดิโอในขณะที่ท้องว่างจะช่วยให้เผาผลาญไขมันได้ดี และการคาร์ดิโอยังมีประโยชน์อีกหลากหลาย เช่น ช่วยระบบอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ ทำให้ปอดแข็งแรงขึ้น การไหลเวียนของเลือดในร่างกายที่ดีขึ้น และกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง และขยายใหญ่ขึ้น

6. เลี่ยงการออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำๆ
เมื่อมีอายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญก็จะแย่ลง ส่งผลให้การลดน้ำหนักยากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายในแต่ละวันให้ไม่ซ้ำกันก็จะดีกว่า การออกกำลังกายแบบเดิมๆ ทุกวันแล้วน้ำหนักไม่ลดลงไปกว่าเดิมเลย

7. กินปลา
สาวๆ หลายคนน่าจะเคยได้ยินมาแล้วว่าการกินปลาไม่อ้วน เพราะในเนื้อปลา นอกจากจะมีไขมันที่เป็นอันตรายต่อร่างกายน้อย ยังมีไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย (ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น โอเมกา 3, โอเมกา 6 ) ที่ดีต่อระบบหัวใจ  ปลายังเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพชั้นดีที่มีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก และสำหรับใครที่ไม่ชอบกินปลา อาจจะกินอาหารเสริมที่เป็นน้ำมันปลาแทนได้

8. ดื่มชาเขียว
สาวๆ อย่าเข้าใจผิดว่าชาเขียวที่ว่าจะเป็นชาเขียวนม ชาเขียวที่บอกว่าช่วยให้การลดน้ำหนักได้ดีขึ้น น่าจะเป็นชาเขียวไม่ใส่นม หรือถ้าจะให้ดีต้องเป็นชาเขียวร้อน ชาเขียวมีคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และยังมสารแอนตี้ออกซิเดนท์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเผาผลาญให้ดีขึ้นอีกด้วย

ขอขอบคุณ : women.trueid.net

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : +66 2 714 9555

Whatsapp : +66 96 116 0806

Facebook : SLCclinic

Skype : SLCclinic

LINE : @SLChospital